*การวัดค่าส่วนสูงและน้ำหนัก*
การวัดค่าส่วนสูงและน้ำหนักที่นำมาใช้คำนวนBMIนั้นจะต้องทำอย่างถูกวิธี เพราะถ้าหากค่าที่วัดออกมาผิดเพี้ยนตั้งแต่แรก ก็จะทำให้ผลBMIนั้นเพี้ยนไปด้วย
การวัดส่วนสูง การวัดส่วนสูงจะต้องทำการถอดรองเท้าออกก่อนทุกครั้ง เวลาวัดควรยืนตัวตรง เงยหน้าตรง ไม่ควรยืนหลังงอหรือเอนตัวไปทางซ้ายหรือขวา
การชั่งน้ำหนัก การชั่งน้ำหนักควรใช้เครื่องชั่งที่ได้มาตรฐานอ่านค่าได้ไม่ผิดเพี้ยน โดยหากสามารถชั่งเองที่บ้านได้ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะการชั่งน้ำหนักนั้นจะต้องทำการถอดเสื้อผ้าออกเสียก่อนจึงจะได้ผลลัพท์ที่ออกมาถูกต้อง โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชั่งน้ำหนักนั้นควรจะเป็นช่วงเช้าๆหลังทำธุระในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
การคำนวณBMIนั้นสามารถใช้หน่วยคำนวณได้หลายแบบ แต่แบบที่สะดวกสำหรับคนไทยที่สุดก็คือ Metric Units ซึ่งสิ่งที่จะต้องใช้คำนวณก็คือ
1.ความสูง (meters) //การแปลงหน่วยเซ็นติเมตรเป็นเมตร ให้เอาเซ็นติเมตรหารด้วย100
2.น้ำหนักตัว (kilograms)
*วิธีคำนวณBMI*
สูตรการคำนวณBMIที่WHOหรือองค์การอนามัยโลกแนะนำไว้ก็คือ [ น้ำหนักตัว ÷ (ส่วนสูง×ส่วนสูง) ]
อย่างอันนี้เราคำนวณของเรานะคะ
เราสูง1.64เมตร หนัก44กิโลกรัม ก็จะได้เป็น [ 44 ÷ (1.64×1.64) ] = 16.36
หลังจากได้BMIมาแล้ว ก็ให้เอามาเทียบกับตารางข้างล่างนี้ว่าตอนนี้แต่ละคนนั้นอ้วนหรือผอมเกินไปหรือไม่
BMI | Category |
---|---|
น้อยกว่า16
|
ผอมเกินไป
|
16 - 16.99
|
ผอมปานกลาง
|
17 - 18.49
|
ผอมเล็กน้อย
|
18.5 - 24.99
|
ปกติ
|
25 - 29.99
|
น้ำหนักเกิน
|
30 - 34.99
|
โรคอ้วนขั้น 1
|
35 - 39.99
|
โรคอ้วนขั้น 2
|
มากกว่า 40
|
โรคอ้วนขั้น 3
|
การลดน้ำหนักนั้นไม่ควรใช้วิธีอดอาหาร เพราะหากทำระยะยาวก็จะทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ ซึ่งหากกระเพาะทะลุและไม่ได้รับการผ่าตัดอย่างทันท่วงทีก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้การกินยาลดความอ้วนหรือกาแฟลดความอ้วนที่ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตก็อันตรายมากเช่นกัน เพราะยาหรือกาแฟเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยจริงหรือไม่และโดยเฉพาะหากไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ นอกจากนี้การอดอาหารจนร่างกายรับไม่ไหวก็จะทำให้เกิดอาการช็อคหมดสติหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้นคือการคุมอาหารและการออกกำลังกาย โดยอาหารมื้อเช้านั้นเป็นมื้อที่ควรรับประทานให้มาก เพราะร่างกายนั้นขาดอาหารมานานกว่า12ชม. โดยอาหารเช้านั้นจะไม่ทำให้ร่างกายอ้วนแต่อย่างใด เพราะหลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้าแล้วทุกคนก็จะมีกิจกรรมที่ต้องทำมากมายในแต่ละวัน ทำให้อาหารถูกเผาผลาญไปเป็นพลังงานจนหมดจึงไม่ทำให้ร่างกายอ้วน อาหารกลางวันก็เช่นกัน เป็นช่วงที่ร่างกายยังคงต้องการพลังงานมากอยู่จึงสามารถกินได้โดยหายห่วง ส่วนมื้อที่ควรระวังที่สุดก็คือมื้อเย็น มื้อนี้ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไปโดยเฉพาะอาหารพวกที่มีไขมันมากๆ อาหารที่แนะนำสำหรับคนที่กำลังลดความอ้วนก็คือ บะหมี่,เกี๊ยวน้ำ,สุกี้ ซึ่งเป็นอาหารที่ทำให้ท้องอิ่มแต่ไม่อ้วน ให้กินร่วมกับผลไม้ และคอยออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันเช้าเย็น